ผักที่ดีที่สุดในโลก จากการประเมิน USDA National Nutrient

ผักที่ดีที่สุดในโลก จากการประเมิน USDA National Nutrient Database และได้สรุปและให้คะแนนตามเนื้อหาทางโภชนาการ มีผักทั้งหมด 73 ชนิด แต่วันนี้เราจะคัดอันดับแรกๆที่มีคะแนนสูงที่สุดมาเล่าถึงประโยชน์ทางโภชนาการ

ผักที่ดีที่สุดในโลก จากการประเมิน USDA National Nutrient

ผักที่ดีที่สุดในโลก จากการประเมิน USDA National Nutrient

ผักเคล (คะน้าใบหยิก)

เป็นผักตระกูลเดียวกันกับผักคะน้า เวลาเราหาผักคะน้ามาทำอาหารไม่ได้ เราจะใช้ Kale แทน มีประโยชน์มาก ผัก Kale หรือ คะน้าใบหยิก มีทั้งสีเขียว สีม่วง ด้วยความสงสัยว่าคือผักอะไรกันนะ โชคดีค่ะที่มีป้ายปักบอกไว้ว่าคือ ผักคะน้าใบหยิก ซึ่งอยู่ในตระกูลกะหล่ำปลี ซึ่งเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูงที่สุดในโลก เป็น The queen of green

คุณประโยชน์ของผักคะน้าใบหยิก มีเส้นใยสูง ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก และทานแล้วอิ่มนาน มีวิตามินเคสูงช่วยป้องกันมะเร็งได้รวมถึงสุขภาพกระดูกและการแข็งตัวของเลือด ระดับที่เพิ่มขึ้นของวิตามินเคสามารถช่วยคนที่ทุกข์ทรมานจากโรคอัลไซเมอร์ได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น carotenoids และ flavonoids ช่วยป้องกันมะเร็งชนิดต่างๆ

ผักโขม ผักที่ดีที่สุดในโลก จากการประเมิน USDA National Nutrient

ผักโขม

ผักชนิดนี้อาจจะเรียกอีกชื่อว่า ผักขม แต่รสชาติไม่ได้ขมตามชื่อ นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น ลวกจิ้มน้ำพริก แกงจืดผักโขม เป็นต้น ประโยชน์ของผักโขม ได้รับการยกย่องว่าเป็นผักที่โดดเด่นในการฟื้นฟูพลังงาน ปรับคุณภาพของเลือด เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก

ผักโขมยังเป็นแหล่งวิตามินเค วิตามินเอ วิตามินซี และโฟเลตที่ดี รวมทั้งเป็นแหล่งแมงกานีส แมกนีเซียม เหล็ก และวิตามิน B2 ที่ดี ซึ่งวิตามินเคจะช่วยในการบำรุงรักษาสุขภาพกระดูก นอกจากนี้ผักโขมยังทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารเสริมต่างๆ ได้แก่ ไฟเบอร์ ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 สังกะสี โปรตีนและโคลีน และเป็นแหล่งรวมกรดไขมันโอเมก้า 3 วิตามินบี 3 , กรด pantothenic และซีลีเนียม

ผักสวิสชาร์ด ผักที่ดีที่สุดในโลก จากการประเมิน USDA National Nutrient

ผักสวิสชาร์ด

ผักสวิชชาร์ดเป็นผักที่นิยมปลูกกันทั่วไปในหลายประเทศ มีหลากหลายสายพันธุ์ มีประโยชน์ทางยาหลายอย่าง จะทานเป็นผักสดหรือนำมาประกอบอาหารต่างๆได้หลายเมนู ประโยชน์ของผักชนิดนี้คือ มีวิตามินเคสูง หากรับประทานสวิสชาร์ด 35 แคลอรี่ ร่างกายจะได้รับวิตามันเคมากกว่าปริมาณขั้นต่ำที่ควรได้รับต่อวันถึง 300% และมีวิตามินเอมากกว่า 100% นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมะเร็ง ทำให้สายตาดีขึ้น และยังได้รับวิจามินอี ที่หาได้ยากจากพืชชนิดอื่นจำนวนมากนิยมบริโภคส่วนใบและก้าน

ผัก Turnip greens

ผัก Turnip greens

มีวิตามินที่ละลายในไขมันและวิตามินที่ละลายน้ำได้ และยังเป็นแหล่งของสารประกอบกำมะถันที่มีชื่อเรียกว่า glucosinolates ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินซี  ช่วยลดความเสี่ยงต่อความเครียดที่เกิดจากออกซิเดชั่น และโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดแดงและโรคไขข้ออักเสบ รวมต้นไม้ปลูกง่าย ๆ อยู่ได้แม้กระทั่งที่มีแสงน้อย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ โรคกระดูกสันหลังคด วิธีสังเกตอาการกระดูกสันหลังคด โรคกระดูกสันหลังคดเป็นภาวะที่พบได้บ่อย ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการกระดูสันหลังคดส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว เนื่องจากอาการกระดูกสันหลังคดนี้เริ่มแรกมักไม่มีอาการบ่งบอกที่ชัดเจน

โรคกระดูกสันหลังคด วิธีสังเกตอาการกระดูกสันหลังคด

โรคกระดูกสันหลังคด วิธีสังเกตอาการกระดูกสันหลังคด โรคกระดูกสันหลังคดเป็นภาวะที่พบได้บ่อย ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการกระดูสันหลังคดส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว เนื่องจากอาการกระดูกสันหลังคดนี้เริ่มแรกมักไม่มีอาการบ่งบอกที่ชัดเจน แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็สายเสียแล้ว เพราะผู้ป่วยจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมีอาการปวดหลังหรือกระดูดสันหลังคดมากจนเดินตัวเอียงแล้ว

โรคกระดูกสันหลังคด วิธีสังเกตอาการกระดูกสันหลังคด

โรคกระดูกสันหลังคด กระดูกสันหลังคืออะไร

กระดูกสันหลังเป็นโครงสร้างกระดูกแกนกลางของลำตัว ลักษณะของกระดูกสันหลังเป็นข้อต่อกันเป็นแนวยาว ตั้งแต่คอจนถึงบริเวณทวารหนัก ภายในกระดูกสันหลังประกอบไปด้วยช่องว่างบรรจุไขสันหลัง และเส้นประสาทเชื่อมต่อไปยังอวัยวะสำคัญต่างๆภายในร่างกาย จากความสำคัญของกระดูกสันหลัง ทำให้การเกิดความผิดปกติหรืออาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นบริเวณกระดูกสันหลังจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

โรคกระดูกสันหลังคด

ลักษณะของกระดูกสันหลังคด

กระดูกสันหลังคดเป็นอาการที่กระดูกเสื่อม หรือข้อต่อกระดูกเกิดการผิดรูป จนทำให้กระดูกสันหลังคดงอ โดยจะเริ่มโค้งงอไปด้านข้าง หรือที่เรียกว่ามุมกระดูกสันหลังคด (Cobb angle) ซึ่งโรคกระดูกสันหลังคดนี้สามารถพบได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แต่จะเริ่มต้นสังเกตได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 10-15 ปีเป็นต้นไป

โรคกระดูกสันหลังคด เกิดจากอะไร

สำหรับสาเหตุของการเกิดกระดูกสันหลังคดนั้น ยังไม่มีที่มาอย่างชัดเจน แต่ทางการแพทย์ได้สันนิษฐานสาเหตุการเกิดของกระดูกสันหลังคดไว้ดังนี้

  • โรคกระดูกสันหลังคด ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด (Congenital Scoliosis) เป็นความผิดปกติของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา ซึ่งเกิดจากในขณะเติบโตภายในครรถ์แนวโค้งของหลังไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสนิท จึงส่งผลให้เกิดช่องว่างภายในกระดูกสันหลังและเป็นสาเหตุนึงของกระดูกสันหลังคด
  • กระดูกสันหลังคด เกิดจากกรรมพันธุ์ มากกว่า 10% ของผู้ที่มีอาการกระดูกสันหลังคดเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
  • ภาวะกระดูกสันหลังคดจากความผิดปกติของเอ็นกล้ามเนื้อระบบเส้นประสาท (Neuromuscular Scoliosis)
  • การประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลให้กระดูกสันหลังแตกหรือหัก เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กระดูกสันหลังโค้งงอไม่เหมือนเดิม
  • พฤติกรรม การดำเนินชีวิตประจำวันมีหลายกิจกรรมที่ผิดหลักสรีระศาสตร์ ส่งผลกระดูกสันหลังมีความผิดปกติได้

กระดูกสันหลังคด อาการ

สำหรับอาการของกระดูกสันหลังคด ไม่ได้อันตรายหรือส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกายอย่างเห็นได้ชัดแต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในลักษณะของอาการปวดหลัง ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวเองว่ากำลังประสบภาวะกระดูกสันหลังคนอยู่ ต้องอาศัยการศึกษาและสังเกต โดยการสังเกตว่าตัวเองกระดูกสันหลังคดหรือไม่สามารถทำได้ดังนี้

โรคกระดูกสันหลังคด

วิธีสังเกตอาการกระดูกสันหลังคด

สำหรับอาการของกระดูกสันหลังคด ไม่ได้อันตรายหรือส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกายอย่างเห็นได้ชัดแต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในลักษณะของอาการปวดหลัง ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวเองว่ากำลังประสบภาวะกระดูกสันหลังคดอยู่ ต้องอาศัยการศึกษาและสังเกต โดยการสังเกตว่าตัวเองกระดูกสันหลังคดหรือไม่สามารถทำได้ดังนี้

1.ยืนหลังตรงหันหน้าเข้าหากระจก หากมีอาการเหล่านี้แสดงว่าเข้าข่ายกระดูกสันหลังคด

  • ความนูนของสะบักไม่เท่ากัน
  • ความสูงของหัวสองข้างไม่เท่ากัน
  • ระดับแนวสะโพกไม่เท่ากัน
  • ตัวเอียงไปด้านใดด้านนึง

2.ยืนเท้าชิด จากนั้นโน้มตัวไปด้านหน้า ใช้มือทั้งสองข้างแตะพื้นจะสังเกตว่าความนูนของหลังไม่เท่ากัน แสดงให้เห็นว่ามีภาวะกระดูกสันหลังคด

3 พฤติกรรมเสี่ยงโรคกระดูกสันหลังคด

1.พฤติกรรมการนั่งทำงาน เสี่ยงกระดูกสันหลังคด

สำหรับวัยทำงานการนั่งทำงานหน้าโต๊ะคอมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กระดูกสันหลังคด โดยลักษณะการนั่งทำงานหน้าคอม หลายคนมีพฤติกรรมนั่งก้มคอ จ้องหน้าจอ ทำให้เกิดอาการคอยื่น และอาการไหล่ห่อ กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และหลังจะเกิดอาการเกร็ง เมื่อเกร็งติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะเกิดอาการกระดูกสันหลังคดในที่สุด

นอกจากกระดูกสันหลังคดแล้ว พฤติกรรมการนั่งทำงานที่ผิดท่ายังก่อให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ตามมา และอาจพัฒนาไปสู่โรคออฟฟิศซินโดรมในที่สุด

2.กระดูกสันหลังคด จากการสะพายกระเป๋า

การสะพายกระเป๋าทั้งแบบสะพายสองข้างและสะพายข้างเดียว หากน้ำหนักกระเป๋ามีปริมาณมากอาจทำให้กระดูกสันหลังโค้งงอไปตามน้ำหนักกระเป๋า สำหรับใครที่สะพายกระเป๋าหรือยกของหนักข้างเดียวด้วยบ่าหรือไหล่ตลอดเวลา จะส่งผลให้กระดูกสันหลังเอียงได้

3.การนั่งไขว่ห้าง ทำให้กระดูกสันหลังคด

ในการนั่งไขว่ห้างถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงกระดูกสันหลังคดที่หลายคนอาจจะไม่ทราบ โดยท่านั่งแบบนี้ทำให้กระดูกเชิงกรานผิดรูป เนื่องจากเกิดการเสียดสีของกระดูกขณะนั่ง ส่งผลให้กระดูกเชิงกรานทั้งสองข้างไม่เท่ากันจนเกิดอาการกระดูกสันหลังคด อีกทั้งการนั่งไขว่ห้างยังสุ่มเสี่ยงต่อโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอีกด้วย

วิธีรักษาโรคกระดูกสันหลังคด

การรักษาโรคกระดูกสันหลังคดสามารถเลือกวิธีการรักษาได้ทั้งการผ่าตัดและรักษาด้วยตัวเอง โดยทั้งสองวิธีมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังนี้

1.รักษากระดูกสันหลังคดด้วยการผ่าตัด

การรักษากระดูกสันหลังคดด้วยวิธีผ่าตัด แพทย์ต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่างตั้งแต่ ความเว้าโค้งของกระดูกสันหลัง, ความยืดหยุ่น รวมถึงเป้าหมายในการผ่าตัดว่าต้องการแก้ไขความคดของกระดูกมากเท่าไร อีกทั้งการผ่าตัดกระดูกสันหลังต้องใช้แพทย์ที่ชำนาญการในผ่าตัดนำโลหะดามกระดูกสันหลังให้ตรงขึ้น

2.การรักษากระดูกสันหลังคดด้วยตนเอง

สำหรับการรักษาด้วยตัวเองสามารถทำได้ เริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์ถึงระดับความโค้งของกระดูกสันหลัง หากมุมคดไม่มากเกิน 25 องศา การปรับพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต อย่างท่านั่งหรือการออกกำลังกาย สามารถช่วยได้ หากเกิน 25 องศาแต่ไม่ถึง 45 องศา สามารถรักษาได้โดยการสวมเสื้อเกาะ (Brace) ที่ช่วยรัดกระชับเพื่อดัดกระดูกสันหลัง